"ภูเขามุละอิ (Mu La Ei) ภูเขาสูงที่สุดของเทือกเขาดอนะ (Daw Na)"

2019-07-30edit Htoo



ถึงแม้ว่าผมจะรู้จัก เทือกเขาดอนะ (Daw Na) ที่รัฐกะเหรี่ยง (Kayin) แต่ผมกลับหลงลืมไปว่า  ภูเขามุละอิ (Mu La Ei) เป็นภูเขาสูงที่สุดของเทือกเขาดอนะแห่งนี้  เนื่องจากบริเวณนี้เป็นพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีความสงบเท่าไหร่นัก และผู้คนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยเดินทางมาที่นี่ แถมการคมนาคมก็ยังไม่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นมากนัก ผู้คนจำนวนมากจึงไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับภูเขามุละอิ พูดได้เลยว่าคนที่เดินทางมาที่ภูเขามุละอิมีแค่คนท้องถิ่นเท่านั้น  

ผมเองก็เคยได้ยินชื่อ ภูเขามุละอิ (Mu La Ei) แต่ไม่ทราบว่า ภูเขามุละอิ (Mu La Ei) คือ ภูเขาสูงที่สุดของเทือกเขาดอนะ (Daw Na) ผมบอกตามตรงว่า ผมทราบ เรื่องภูเขามุละอิจากบล็อกเกอร์ชาวไทยคนหนึ่ง ทันทีผมเห็นบล็อกของเขา ผมรู้สึกประหลาดใจมาก เพราะภูเขามุละอิ (Mu La Ei) เป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงในหมู่นักปีนเขาจากประเทศไทย เพียงแค่แว๊บเดียวผมก็คิดเลยว่า ทำไมผมถึงไม่ทราบข้อมูลเรื่องภูเขามุละอิเลยนะ ผมจึงอยากไปเที่ยวสถานที่น่าสนใจ และเป็นสถานที่ที่มีคนรู้จักน้อยมากแห่งนี้

ตอนแรกที่ผมตัดสินใจว่า ผมจะขึ้นไปที่ภูเขามุละอิ (Mu La Ei) ผมเลยหาหนังสือและข้อมูลเกี่ยวกับภูเขาแห่งนี้ จึงได้ทราบว่า เพื่อนคนหนึ่งของผมกำลังก็จะเดินทางไปที่ภูเขาแห่งนี้ด้วย ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจเดินทางไปพร้อมกับเพื่อนทั้งหมด 5 คน และพวกเราก็เริ่มเตรียมตัวสำหรับการเดินทางขึ้นเขาในครั้งนี้ทันที

แต่มีข้อหนึ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจนั่นก็คือ ระหว่างที่ผมหาข้อมูลจากหนังสือ ผมกลับนึกขึ้นมาได้ว่า ที่ตอนแรกผมบอกว่าไม่รู้จักภูเขาลูกนี้นั้น มันไม่เป็นความจริง เพราะจริง ๆ แล้ว ผมเองเคยอยากไปเที่ยวที่ภูเขาแห่งนี้  แต่ผมเป็นคนที่จำชื่ออะไร ๆ ไม่ค่อยได้ก็เลยลืมไป ฮ่าๆๆ

อ้าว...ผมพูดมาซะเยอะเลย พอก่อนแล้วกันนะครับ ตอนนี้ผมจะเริ่มต้นเล่าเรื่องบันทึกการเดินทางไปภูเขามุละอิ (Mu La Ei) ของผมแล้วนะครับ



ภูเขามุละอิ คืออะไร


ภูเขามุละอิ (Mu La Ei) เป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ในรัฐกะเหรี่ยง มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 6,578 ฟุต และเป็นภูเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาดอนะ (Daw Na) แต่เมื่อผมอ่านข้อมูลจากวิกิพิเดียพบว่า บริเวณเทือกเขาดอนะ (Daw Na)  ยังมีภูเขาอื่นสูงกว่าภูเขามุละอิ ภูเขาลูกนั้นชื่อว่า "แมลละ" (Mel La) ซึ่งมีความสูง 8,605 ฟุต อยู่ที่อำเภอตั่นต่าวจี (Than Taung Gyi) อย่างไรก็ตาม ภูเขามุละอิถือเป็นภูเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาดอนะ และรัฐกะเหรี่ยง

ภูเขามุละอิตั้งอยู่ที่เมืองจ่าอีนเซะจี (Kyar Inn Sate Gyi) รัฐกะเหรี่ยง เมื่อเรายืนอยู่บนยอดเขา จะสามารถมองเห็นอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ประเทศไทยได้เลย ที่นี่เลยเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่บล็อกเกอร์ชาวไทย

บนยอดภูเขามีพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า และเจดีย์ไจ้มุละอิ (Kyite Mu La Ei) ในขณะที่ชื่อของเจดีย์ในภาษามอญคือ "ไจ้มุดละอิ"  (Kyite Mu La Ei”) ความหมายของชื่อเจดีย์ในภาษาเมียนมา คือ "เจดีย์ซึ่งเป็นรู้จักจนชั่วนิรันดร์"





นอกจากนี้ ภูเขามุละอิแห่งนี้ยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ อีก ทั้ง "ภูเขามุละยิ้ด" (Mu La Yit) "ภูเขามยะเต่หล่า" (Mya-Thay-Lar) และ "ภูเขาละยิ้ด"  (La-Yit) ซึ่งคนส่วนใหญ่จะเรียกที่นี่ว่า "มุละอิ" (Mu La Yit) และ "มุละยิ้ด" (La Yit) นอกจากนี้ บนยอดเขาบริเวณใกล้ ๆ ยังมีเจดีย์ "มุละอะ" (Mu La Ah) แต่ไม่มีถนนที่สามารถนำรถขึ้นไปได้

จะขึ้นไปบนภูเขาได้อย่างไร

ทางขึ้นภูเขามุละอิ (Mu La Yit) มี 2 ทาง คือ การเดินเท้าขึ้นไป และการไปนั่งรถขึ้นไป สำหรับผมอยากลองเดินทั้งขาไปและขากลับครับ  แต่ในการเดินทางครั้งนี้ เพื่อนของผมได้รับบาดเจ็บบริเวณขา ขากลับพวกเราเลยตัดสินใจเดินทางกลับด้วยรถยนต์  เพราะฉะนั้น ผมจะอธิบายรายละเอียดการเดินทางทั้งทางรถยนต์และการเดินขึ้นเขาให้ทราบนะครับ




ภูเขามุละอิ (Mu La Yit) เป็นภูเขาที่สามารถนำรถขึ้นไปได้ครับ สามารถเริ่มเดินทางได้จากเมืองเมียวดี (Mya Wadi) แต่ถนนเป็นถนนลูกรังค่อนข้างเป็นหลุมเป็นบ่อและฝุ่นเยอะมาก ๆ  ส่วนเส้นทางก็คดเคี้ยว เป็นทางขึ้นภูเขาก็เลยอันตรายมาก ๆ การเดินทางด้วยรถยนต์จะใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงเพื่อขึ้นเขา และอีก 5 ชั่วโมงเพื่อลงเขาครับ

เส้นทางจากเมืองเมียวดี (Mya Wadi) จนไปยังหมู่บ้านแรกที่ใกล้ที่สุด ก็ถือว่าไม่ได้แย่เมื่อเทียบกับถนนตลอดทั้งเส้นทางนะครับ  แต่หลังจากผ่านหมู่บ้านนั้นไปแล้ว ถนนก็จะมีฝุ่นเยอะมาก และคุณจะมองไม่เห็นอะไรเลย ผมจึงขอแนะนำว่า การสวมเสื้อผ้าที่มิดชิดและผ้าพันคอเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องใช้สำหรับปกปิดใบหน้า และร่างกายของคุณจากฝุ่นครับ

เมื่อเดินทางได้สักพักหนึ่ง พวกเราก็หยุดพักที่หมู่บ้านใกล้เคียงเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ชาวบ้านต่างพากันอธิบายให้พวกเราเข้าใจว่า พวกเราจะต้องเผชิญกับอันตราย เว้นแต่ว่าพวกเราจะอาบน้ำก่อนที่จะปีนขึ้นไปบนภูเขา ผมคิดว่าเรื่องนี้ช่างเป็นความเชื่อของชาวบ้านที่น่าหลงใหลมาก ๆ เท่ากับว่า พวกเราได้แวะพัก 2 จุด คือ ครั้งแรกที่หมู่บ้านเพื่อรับประทานอาหาร และครั้งที่ 2 ที่หมู่บ้านตรงเชิงเขา

การเดินทางขั้นต่อไป พวกเราจะต้องเหมารถยนต์ของชาวบ้านที่นั่น และพวกเขาจะไม่ยอมให้เราขับรถอะไรก็ตามขึ้นไปนอกจากรถของพวกเขา ดังนั้น พวกเราเลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเหมาของชาวบ้านครับ การเหมารถมีค่าใช้จ่าย 40,000 - 50,000 จั๊ต (ประมาณ 1,000 บาท) ราคานี้ตลอดทั้งการเดินทางนะครับ แต่ก็ยังมีทางเลือกอื่น ๆ เช่น เหมารถยนต์จากเมียวดีจากนั้นไปที่หมู่บ้านตรงเชิงเขา และเหมารถอีกครั้งจากที่นั่นเพื่อไปบนเขา คุณสามารถติดต่อกับบริษัทขนส่งที่ให้บริการเส้นทางเมียวดี - มุละอิ โทรศัพท์ 09782113265 และ 09450342729

สำหรับคนที่อยากเดินขึ้นเขา จะต้องใช้เวลาในการเดินประมาณ 16 ชั่วโมง และ 10 ชั่วโมงสำหรับการเดินลงเขานอกจากนี้ จะต้องใช้เวลาประมาณ 3 - 4 ชั่วโมงในการขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่เชิงเขาอีกด้วย

เดี๋ยวผมจะเริ่มอธิบายเกี่ยวกับประสบการณ์การเดินขึ้นเขาให้ทราบนะครับ

 

การเดินขึ้นภูเขามุละอิ

หากคุณต้องการขึ้นเขาด้วยการเดินเท้า คุณจะต้องเดินทางไปที่เมืองกอกะเระ (Kort Ka Yate) ก่อน หลังจากนั้นคุณต้องตรงไปยังถนนกอกะเระ – เอเชีย (Kort Ka Yate – Asia) แล้วเลี้ยวซ้ายเพื่อเดินทางไปยังหมู่บ้านก้ะ หม่าย โกง (Ka Mine Kone) เมื่อคุณพบกับป้ายยินดีต้อนรับของหมู่บ้านแห่งนี้ นั่นหมายความว่าคุณอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง

อย่างที่ผมบอกไว้ตอนแรกว่าจะต้องใช้เวลา 3 - 4 ชั่วโมงในการเดินทางไปยังเชิงเขาด้วยมอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ และมันจะดีกว่ามาก ๆ ถ้าคุณจะไม่นำรถยนต์ส่วนตัวไปที่นั่น เพราะถนนเส้นนี้ขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อ และมีฝุ่นเยอะมาก ๆ แถมจะต้องขับรถข้ามลำธารเป็นครั้งคราว  บางแห่งก็มีเพียงสะพานเล็ก ๆขนาดกว้างพอให้มอเตอร์ไซค์ข้ามได้เท่านั้น บางแห่งก็ไม่มีสะพานเลยด้วยซ้ำ นั่นเท่ากับกว่าคุณจะต้องขับรถข้ามลำธารไป

ถ้าจะขึ้นไปด้วยมอเตอร์ไซค์ คนขับจะต้องมีความชำนาญในการขี่มอเตอร์ไซค์มาก ๆ และต้องสวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ  ซึ่งคุณสามารถเหมามอเตอร์ไซค์ และรถยนต์ได้ในเมืองกอกะเระ (Kort Ka Yate) แต่ควรติดต่อคนในท้องถิ่นไว้ล่วงหน้าด้วยนะครับ

เมื่อไปเชิงเขาคุณจะเจอหมู่บ้านที่มีชาวกะเหรี่ยงจำนวนมาก และพื้นที่แห่งนี้เป็นเขตของ DKBA จึงมีคนที่พูดภาษาเมียนมาได้น้อย แต่เวลาที่ถามถึง ''มุละอิ" ชาวบ้านแนะนำอย่างดี แม้ว่าผมจะเจอค่าย DKBA ในบางจุด แต่พวกเราไม่ได้รับอันตรายอะไรเลย ในกรณีนี้ จะไม่มีปัญหาอะไรมากนัก และคุณก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร

เมื่อพวกเราไปถึงหมู่บ้านตรงเชิงเขา เวลาก็ประมาณบ่าย 2 โมงแล้ว พวกเราต้องเผชิญหน้ากับถนนที่มีฝุ่นเยอะมาก ดังนั้น พวกเราจึงต้องไปอาบน้ำที่หมู่บ้านแห่งนั้น และนั่งพักผ่อนกันเล็กน้อย หลังจากนั้นพวกเราเริ่มเดินขึ้นเขาอีกครั้งตอนบ่าย 3 โมง 20 นาที



การขึ้นภูเขามุละอิ



ภูเขามุละอิ ตั้งอยู่ที่ความสูง 6,578 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล  และเราต้องเดินผ่านภูเขาประมาณ 33 ลูกเพื่อขึ้นไปสู่ยอดเขา อย่างที่ผมได้บอกไปตั้งแต่ตอนแรกว่าอาจจะต้องใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 16 ชั่วโมง สำหรับขาขึ้น และใช้เวลาประมาณ 11 ชั่วโมงสำหรับลง เพราะฉะนั้น คุณจะต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่ง และข้างบนเขาแห่งนี้มีวัด 3 แห่งให้เราแวะระหว่างทางขึ้นเขาด้วย

วัดแห่งแรก

จากเชิงเขาพวกเราใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงกว่า ๆ ก็เดินถึงวัดแห่งแรก เมื่อเราเดินขึ้นไปบนภูเขา ก็รู้สึกดีมาก ๆ ที่ได้เดินเลียบลำธาร ได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติและสายลม แต่หลังจากเดินมานานกว่าครึ่งชั่วโมงเราก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า แต่มันก็ไม่ได้น่าเบื่อเลย เพราะมีม้านั่งไม้ไผ่ให้นั่งพักแบบสบายๆ

นอกจากนั้น ยังมีศาลาอีกแห่งหนึ่งที่มีกล้วยวางอยู่มากมาย ในศาลาแห่งนี้มีพระสงฆ์ 1 รูป และสุนัขตัวเล็ก ๆ อีก

1 ตัว ถ้าพวกคุณเดินมาจนเหน็ดเหนื่อยก็สามารถนั่งพักผ่อนได้ในศาลาแห่งนี้ และสามารถกินกล้วย รวมทั้งสามารถถวายเงินบริจาคเป็นทานสำหรับการดูแลศาลาแห่งนี้ได้ ระหว่างที่นั่งพักเจ้าสุนัขตัวน้อยก็มาขออาหารจากผม แล้วยังเดินเป็นไกด์นำทางพวกเราขึ้นเขาอีกด้วย

เมื่อเริ่มค่ำพวกเราก็ไม่กล้าไปต่อ เพราะว่ามองไม่ค่อยเห็นทาง และบริเวณรอบ ๆ ก็เต็มด้วยความมืด  พวกเราเลยใช้ไฟฉายส่องทาง และรีบเดินให้ถึงวัดแห่งแรกให้เร็วที่สุด และพวกเราก็เดินไปถึงวัดนั้นเกือบ 3 ทุ่ม

 

พวกเราเหนื่อยกันมาก ๆ เลยทานอาหารแล้วรีบเข้านอนทันที



วัดแห่งที่สอง



พวกเราวางแผนว่าจะตื่นประมาณตี 4 แต่เรานอนตื่นสาย ตื่นมาพระอาทิตย์ก็ขึ้นแล้ว ก็เลยเร่งเตรียมตัวและออกเดินทางกันต่อ โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการเดินทางจากวัดแห่งแรกไปยังวัดแห่งที่สอง

เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่เดินง่ายจึงไม่ต้องกลัวว่าจะหลงทาง แต่บางจุดก็มีต้นไม้ใหญ่เยอะมากๆ ทำให้ไม่ค่อยมีแสงสว่างส่องลงมามากนัก สิ่งที่คุณสามารถสัมผัสและมองเห็นได้ คือ ป่าทึบและต้นไม้  แล้วที่นั่งพักก็หายากมาก

ก่อนถึงวัดแห่งที่สอง พวกเราได้ยินเสียงเพลงจาก พวกเราเห็นจุดชมวิวและภาพของภูเขาที่สวยงาม ถ้ามาเที่ยวอย่าลืมถ่ายรูปสวย ๆ ที่นี่นะครับ

เมื่อถึงวัดแห่งที่สองแล้ว นั่นหมายความว่าเดินทางขึ้นเขาของพวกเรามาถึงครึ่งทางแล้วครับ  วัดแห่งที่สอง ตั้งอยู่ที่ความสูงประมาณ 3,200 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล เมื่อพวกเรามาถึงวัดแห่งที่สอง พี่สาวคนหนึ่งซึ่งเป็นคนท้องถิ่นได้เลี้ยงข้าวพวกเราด้วยครับ

วัดแห่งที่สาม

เส้นทางจากวัดแห่งที่สอง ไปยังวัดแห่งที่สาม จะใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง และคุณจะได้พบกับเจดีย์ที่ชื่อว่า “สิ่น พยู ต่าว” (Sin Phyu Taung)

พวกเราโชคไม่ดีที่ผ่านป่าไปพร้อม ๆ กับความร้อนของดวงอาทิตย์ยามบ่าย หลังจากรอดชีวิตจากความร้อนมาได้ พวกเราก็มาถึงอีกจุดหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโทรศัพท์ และหลังจากผ่านไป 1 ชั่วโมง พวกเราก็มาถึงวัดแห่งที่สามกันแล้ว หลังจากไหว้พระแล้วพวกเราก็เดินผ่านไปเส้นทางป่าจนถึงประมาณบ่าย 3 ก็มาถึงจุดชมวิวอีกแห่ง จากจุดนี้เดินไปอีก 1 ชั่วโมงก็จะเจอกับวัดแห่งที่สาม

ผมพบว่า วัดแห่งที่สามมีถนนที่รถสามารถขับเข้ามาถึงจึงมีร้านค้า ด้วย แต่เป็นร้านค้าเล็ก ๆ เพราะอยู่บนภูเขา มีสินค้าเพียงเล็กน้อย และต้องจ่ายค่าสินค้าด้วยราคาเงินบาท

พระเจดีย์มุละอิ และยอดเขามุละอิ

คุณสามารถมองเห็นวัดแห่งที่สามตลอดเส้นทางจนถึงยอดเขา แต่พวกเราเหนื่อยมาก จนต้องใช้เวลาในการเดิน 2 ชั่วโมงกว่าจึงจะถึง แต่พวกคุณสามารถเดินทางโดยรถยนต์ได้เลย เพราะถนนสร้างเสร็จแล้ว

 

ประมาณ 5 โมงเย็น พวกเราเห็นร้านค้ามากมาย และมีโรงทานเลี้ยงอาหารแก่ทุกคน เวลาพ่อค้าแม่ค้าถามว่า "เดินขึ้นมาหรือ" พวกเราก็ตอบไปอย่างภาคภูมิใจว่า "ใช่ครับ" แต่พวกเขาไม่รู้ว่าหรอกว่า พวกเราปวดเมื่อยไปทั้งตัว



อากาศบนยอดเขาต้องหนาวแน่นอน แต่ผมกลับคิดว่า พวกเราเดินขึ้นภูเขามา 33 ลูก จึงไม่ค่อยรู้สึกว่ามันหนาวเย็นเท่าไหร่ ผมจึงอยากอาบน้ำมาก ๆ ตอนที่อยู่บนยอดเขา  ตอนนั้นชาวบ้านบอกว่า "พวกเราอาบน้ำ 5วันครั้ง เพราะน้ำเย็นมากเลยครับ ถ้าไม่เชื่อก็ลองจุ่มมือลงไปก่อนนะครับ"  พวกเราก็เลยของเอามือจุ่มลงไปก่อนตามคำแนะนำ และรีบล้างหน้าล้างตัวแบบเร็ว ๆ เพราะน้ำเย็นมาก ๆ เลยครับ



แล้วพวกเราก็ขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อดูพระอาทิตย์ตก พวกเราเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ที่สวยงาม ของพระอาทิตย์ตกเหนือยอดเขามุละอิ นอกจากนี้ คุณยังสามารถฟังเสียงสั่นสะเทือนจากราวบันไดเหล็กที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นทางเดินไปยังเจดีย์ จริง ๆ มันหนาวมากเลยครับ  แต่เมื่อพวกเราอธิษฐานเสร็จแล้ว ก็รีบกลับไปที่ห้องโถงชุมชนและทานอาหารมังสวิรัติกันครับ




ครั้งแรกผมคิดว่า ผมจะนอนบนเขาด้วยการกางเต็นท์เหมือนบล็อกเกอร์ชาวไทย แต่ผมดันลืมเอาเต็นท์มา และหาสถานที่ที่คนไทยกางเต็นท์ไม่เจอ เมื่อผมไปถามชาวบ้านก็เลยทราบว่า พวกเขาไม่ได้เดินขึ้นเขา แต่พวกเขาขึ้นมาด้วยรถยนต์จากเมืองเมียวดี และกลับลงไปกางเต็นท์ด้านล่าง ชาวบ้านบอกว่า ถ้าพวกเราอยากลงไปก็สามารถกางเต็นท์ได้ตรงข้างหลังโรงธรรม แต่พวกเรามาถึงยอดเขาก็สายมากแล้ว ฉะนั้นเลยไม่ได้ลงไป เพราะมีเวลาไม่มากพอครับ



บนภูเขามุละอิ มีเจดีย์ 2 องค์ และพระพุทธรูป 1 องค์ ผู้หญิงได้รับให้อนุญาตสักการะแค่เจดีย์องค์แรก ส่วนผู้ชายมีสามารถขึ้นมาสักการะเจดีย์ทั้ง 2 องค์ รวมถึงพระพุทธรูปด้วย นอกจากนี้ พวกคุณจะมองเห็นพระเจดีย์ต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ ได้จากจุดนี้ด้วยครับ

การเดินทางของผม ผมเริ่มเดินทางจากเมืองย่างกุ้ง ด้วยการขับรถยนต์จากย่างกุ้งไปยังเมืองเมียวดี ตั้งแต่คืนวันศุกร์ ไปตามถนนเส้นกอกะเระ- เอเชีย (Kort Ka Yate - Asia) และนัดพบกับเพื่อน ๆ ที่เมืองพะอาน (Hpa An) ผมนอนพักที่นั่นหนึ่งคืน  หลังจากนั้นก็ได้เริ่มออกจากกอกะเระ (Kort Ka Yate) ประมาณ 10 โมงเช้า พวกเราใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งก็ขับมอเตอร์ไซค์ไปถึงหมู่บ้านตรงเชิงเขา หลังจากนั้นก็อาบน้ำและเริ่มเดินขึ้นเขาตั้งแต่บ่าย 3โมง พวกเราได้นอนค้างที่วัดแห่งแรก 1 คืน ครับ

ในวันที่ 2 พวกเราได้เดินทางขึ้นเขาต่อไป และถึงยอดเขาในตอนเย็น ก็เลยได้ดูแค่พระอาทิตย์ตกดิน และนั่งๆ นอนๆ ชิวๆ บนภูเขาเท่านั้น ถ้าอยู่ที่นี่จนถึงตอนเช้าก็จะได้ชมทะเลหมอกด้วย แต่พวกเราก็ไม่ได้ดูครับ หลังจากสักการะเจดีย์แล้ว ก็สามารถลงไปเชิงเขา หรือถ้าอยากไปกลับในวันเดียวก็สามารถทำได้ครับ

ตอนขากลับจากภูเขา พวกเราได้กลับมาที่เมืองเมียวดีด้วยรถยนต์ครับ เพราะเพื่อนคนหนึ่งของพวกเราบาดเจ็บ แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว สำหรับประสบการณ์ของผมที่ภูเขามุละอิ

ข้อควรระวังของการไปเที่ยวภูเขามุละอิ

เนื่องจากบริเวณภูเขามุละอิเป็นสถานที่ทางศาสนา จึงมีข้อควรระวังและสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงมากมายที่ควรทราบครับ

  1. บริเวณภูเขามุละอิเป็นสถานที่ที่จะต้องทานอาหารมังสวิรัติ ระหว่างทางจากเชิงเขาไปจนถึงด้านบนนักท่องเที่ยวไม่ได้รับอนุญาตให้นำหรือทานเนื้อสัตว์ และห้ามดื่มเหล้าทุกชนิด แต่ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องอาหารนะครับ เพราะจะมีโรงทานที่มีคนมาทำบุญคอยให้บริการอาหารมังสวิรัติ แต่อย่างไรก็ตาม คุณควรนำขนมไปกินระหว่างทางด้วยนะครับ



  1. ขณะเดินทางผู้ชายและผู้หญิง จะต้องไม่เดินจับมือกัน สามีภรรยาต้องอยู่กันอย่างพี่น้อง ในขณะที่เดินป่าคุณต้องสำรวมกายและวาจาด้วยนะครับ



  1. ถ้าคุณนำเสื้อผ้ามาน้อย ๆ จะดีกว่าครับ แต่เสื้อผ้าที่นำมาควรเป็นเสื้อผ้าที่ทำให้คุณอบอุ่น สำหรับผู้หญิงต้องสวมเสื้อผ้าที่สุภาพเหมาะสมไม่สั้น คอเสื้อไม่ลึกจนเกินไป

 

  1. สามารถนำขนม และน้ำขวดไปได้ เพราะมันปลอดภัยกว่าการดื่มน้ำจากลำคลอง และควรนำทิชชูเปียก น้ำยาล้างมือ และยารักษาโรคไปด้วยครับ



  1. ผมอยากขอให้นักท่องเที่ยวทุกคน ให้ช่วยบริจาคเงินตามที่ตนเองไหวไว้ที่โรงทานและวัด เพราะชาวบ้านจะได้นำเงินเหล่านี้ไปซื้ออาหารสำหรับทำอาหารมังสวิรัติให้นักท่องเที่ยวตลอด 24 ชั่วโมง



  1. ถ้าเลือกที่จะเดินขึ้นเขาด้วยตัวเอง คุณต้องมีเรี่ยวแรงและความอดทนในปีนภูเขาแห่งนี้ ดังนั้น ควรเตรียมร่างกายตัวเองก่อนไปขึ้นเขา ด้วยการฝึกเดินอย่างสม่ำเสมอ และคนแก่หรือคนที่เป็นโรคหัวใจควรเลือกการเดินทางมาด้วยรถเท่านั้น



  1. ที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ พวกเขาบอกว่า สามารถใช้สัญญาณของ MPT ได้ แต่สัญญาณ MPT ของผมตายสนิท สัญญาณของประเทศไทยอาจมีสัญญาณบ้าง แต่สัญญาณของเมียนมาไม่มีเลย ขนาดหมู่บ้านที่อยู่ตรงเชิงเขาก็ไม่มีสัญญาณ



  1. สำหรับช่างภาพ คุณควรนำแบตเตอรี่สำรองมาด้วย



  1. ข้อสุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด คือ คุณต้องมีวินัย และประพฤติอย่างเหมาะสม โปรดทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทาง และรักษาความสะอาดอยู่เสมอ นอกจากนี้อย่าทำลายต้นไม้และดอกไม้ในบริเวณใกล้เคียง ช่วยกันดูแลรักษาธรรมชาติของเราด้วยนะครับ



สรุปของการเดินทางภูเขามุละอิ

เรื่องที่การเดินทางภูเขามุละอิอาจจะยาวเกินไป ผมหวังว่าผู้อ่านก็จะได้ทราบวิธีการเดินทางไปยังภูเขามุละอินะครับ จริง ๆ แล้วภูเขามุละอิเป็นภูเขาแห่งหนึ่งที่ไม่เป็นที่รู้จักของคนส่วนใหญ่ในประเทศเมียนมา และเป็นสถานที่ทางศาสนาที่สำคัญของคนท้องถิ่น

การเดินทางไปเที่ยวภูเขามุละอินั้น เป็นการเดินทางที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบการผจญภัย และผู้ที่ชื่นชอบภูเขา  และผมอยากขอร้องว่า  ในฐานะนักท่องเที่ยวคุณต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ และช่วยกันอนุรักษ์รักษาธรรมชาติด้วยนะครับ

ส่วนผมก็อยากให้แนะนำวัยรุ่นทั้งหลายลองเดินเท้าขึ้นไปบนเขา เพราะคุณจะได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ อย่างแน่นอน และอย่าลืมเตรียมร่างกายของคุณให้พร้อมนะครับ

สุดท้ายคือ คุณควรค้างคืนบนภูเขานะครับ ผมขออวยพรให้ทุกคนสามารถไปเที่ยวที่ภูเขามุละอิ และได้สัมผัสกับบรรยากาศที่พระอาทิตย์ตกในยามเย็นและขึ้นในยามเช้านะครับ




คุณชอบเนื้อหานี้หรือไม่?
หากคุณมีบัญชีของผู้ใช้ที่ทำให้เป็นปลาแมกเคอเรลคุณสามารถเพิ่มบุ๊กมาร์กลงใน mypage ของคุณได้

รีวิว


"ภูเขามุละอิ (Mu La Ei) ภูเขาสูงที่สุดของเทือกเขาดอนะ (Daw Na)"
0 / 5 (0 รีวิวจากผู้ใช้)
สิ่งที่คนพูด

แสดงความคิดเห็นจาก

สมาชิกเข้าสู่ระบบและปล่อยให้คะแนนของคุณ

หากต้องการแสดงความคิดเห็นโปรดเข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียนสมาชิก

คุณมีบัญชีของผู้ใช้ MingalaGo หรือไม่?

personLogin

รับบัญชีของผู้ใช้ MingalaGo!

personลง ทะเบียน