เดินป่าที่เมืองสีป้อ

2019-11-28edit Hay Mar Lwin


To my SUMMER,

ไม่อยากดูหิมะแรกของฤดูหนาวในตอนเช้าจากบ้านไม้ที่อยู่บนภูเขาหรอ จะได้รับแสงแดดอันอบอุ่นในช่วงเช้าของฤดูหนาว จิบกาแฟ ไปพร้อมกับชมความสวยงามของธรรมชาติป่าไม้และภูเขากันเถอะ

Summer ....เมืองสีป้อ อยู่ระหว่างเทือกเขารัฐฉาน เป็นเมืองที่มีความสงบสุขมาก และเป็นเมืองที่มีแม่น้ำโด๊ะทาวดี (Dotehtawady River) ไหลผ่าน ฉันอยากเล่าให้คุณฟังว่า ฉันเคยได้ไปเที่ยวที่เมืองนั้นกับเพื่อนๆ

จากเมืองย่างกุ้ง นั่งรถหรือรถไฟไปก็ได้ ถ้าไปด้วยรถให้นั่งรถสายที่ไปถึงเมืองล่าเสี้ยว (Lashio) ต้องลงรถแล้วต่อรถไปเมืองสีป้อ แต่ถ้าไปด้วยรถไฟก็สามารถนั่งรถไฟโดยซื้อตั๋วที่ปยิ่นอูลวิ่น (PyinOoLwin) แล้วนั่งผ่านสะพานโกเต็ค (Gokteik) สะพานแห่งนี้มีชื่อเสียงมากนะ ที่เมืองสีป้อมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจคือ “เตง ต่าว” (Thein Taung) ที่คุณสามารถชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามได้ และสามารถชมวิวเมืองจากบนนั้นได้ และเรายังได้ไปดูเจดีย์โบราณที่มีชื่อว่า “Little Bagan” ด้วย

เรากับเพื่อนๆ ไม่ได้ไปเที่ยวแค่ในเมืองสีป้อเท่านั้นนะ ยังได้ไป TreeHouse ซึ่งอยู่ในป่าของเมืองสีป้อนี่แหละ และการเดินป่าในเมืองสีป้อก็เป็นการเดินทางที่ยากลําบากมาก ที่เมืองสีป้อจะมีกลุ่มมัคคุเทศก์ที่คอยให้บริการเกี่ยวกับการเดินป่าที่มีชื่อว่า “Mr.Bike Tree house jungle Trek”  พวกเราทั้ง 6 คน ไปที่นั่นและได้ติดต่อไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนเดินทางมีมัคคุเทศก์มากับพวกเราคนหนึ่ง และแม่ครัวคนหนึ่ง มัคคุเทศก์จะทำหน้าที่ดูแลกิจกรรมต่าง ๆ ของพวกเรา ส่วนแม่ครัวทำกับข้าวให้เรารับประทานทั้ง 3 วันที่ต้องอยู่ที่ในป่า

พวกเราตื่นนอนตั้งแต่ 8โมงเช้า และก็รีบเราออกจากตัวเมืองสีป้อเพื่อไปยังหมู่บ้านแรกที่ต้องเริ่มเดิน โดยใช้เวลาขับรถประมาณ 45นาทีก็ถึงหมู่บ้านแรก จากหมู่บ้านนั้นพวกเราเริ่มเดินไปโดยถือกระเป๋ากันเอง เมื่อเดินไปประมาณ 1ชั่วโมงก็ถึงหมู่บ้านที่สอง ที่หมู่บ้านแห่งนั้น พวกเราสามารถจ้างลูกหาบได้ และเราก็ได้จ้างลูกหาบคนหนึ่งสำหรับสมาชิกทั้งหมดของเรา เพราะเราเหนื่อยจนลิ้นห้อยแล้ว ของที่แบกมาก็หนักมาก

เมื่อออกจากหมู่บ้านที่สอง เส้นทางก็เริ่มเป็นทางเดินป่าแล้ว มีเดินผ่านดงไผ่ และกิ่งไม้หักบ้าง เดินผ่านลำธารบ้าง บรรยากาศดีมาก ๆ มีน้ำไหลผ่านมาจากลำธารเล็ก ๆ ข้าง ๆ ก็มีกอไผ่ เราพักผ่อนตรงจุดนั้น เพื่อรับประทานอาหารกลางวันบนโต๊ะที่ทำด้วยไม้ไผ่  ทานเสร็จแล้วเอาเท้าลงแช่น้ำในลำธาร สดชื่นมาก ๆ เลย

หลังจากนั้น พวกเราก็เริ่มเดินทางขึ้นเขาต่อ เมื่อข้ามสะพานไม้ไผ่ที่ลำธาร ก็มีทิวทัศน์ที่เป็นทุ่งนานิดหน่อย ไม่น่าเชื่อเลยว่าภูเขาสูงมาก ๆ เลยนะ Summer…. ฉันพยายามเดินขึ้นเขาด้วยความเหนื่อยยาก แต่ไม่ยอมให้เหงื่อจากหน้าผากไหลไปถึงขาเด็ดขาด เดินขึ้นเขาประมาณมาครึ่งชั่วโมง พวกเราก็ได้พักประมาณ 5 นาที ได้ดื่มน้ำ ไปเยอะเลย ภูเขาตั้ง 3-4 ลูก แต่ไม่ค่อยมีทางขึ้นลงมากนัก ทางขึ้นก็ลำบาก ฉันแน่ใจว่า ถ้าคุณมาที่นี่ คุณจะต้องพักบ่อย ๆ แน่นอน ส่วนต้นไม้ก็มีเยอะไปหมด บางจุดที่เดินผ่านก็เป็นป่าที่เคยถูกไฟไหม้ ตอนนี้ฉันเหงื่อออกเยอะมาก ในมือข้างหนึ่งถือขวดน้ำ อีกข้างหนึ่งก็ถือขวดเกลือแร่ แล้วยังมีช็อกโกแลต ชีส ลูกอม หรือขนมที่ทำให้คลายหิว และสำหรับกินเพิ่มแรงด้วย

หลังจากกลุ่มเราได้พยายามเดินขึ้นเขาแบบไม่หยุดหย่อนกันเลย จนเวลาใกล้จะบ่ายคล้อยมากแล้ว พวกเราชะเง้อไปเห็นบ้านไม้ที่อยู่บนเทือกเขาที่อยู่ห่างออกไป ที่นั่นคือที่พักของพวกเราในคืนนี้ โอ้ ช่างน่าสนุกเหลือเกิน บ้านหลังนั้นถูกสร้างขึ้นบนต้นไม้ใหญ่ เป็น Treehouse มีบ้านหลังใหญ่ 1 หลัง และที่เหลือเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ

พวกเราเก็บข้าวของเรียบร้อย และเตรียมตัวไปอาบน้ำที่ลำธารข้างหลัง Treehouse จุดอาบน้ำมีท่อไม้ไผ่ต่อน้ำที่มาจากลำธารธรรมชาติและไหลลงสู่ถังน้ำที่เราจะอาบ น้ำเย็นมาก Summer…  ตอนนี้ฉันหายเหนื่อยแล้ว และรู้สึกสดชื่นสุด ๆ ไปเลย เป็นการอาบน้ำที่ดีที่สุดเลยนะ แต่พวกเราไม่อาบน้ำกันไม่นาน เพราะใกล้เวลาพลบค่ำแล้ว

ไก่ย่างกับปลีกล้วย และแกงใบกาหลงกับผงถั่วเน่าเป็นอาหารค่ำของเราในวันนี้ พวกเขาบอกว่าใบกาหลงที่นี่ไม่เหมือนกับใบกาหลงที่ย่างกุ้ง ส่วนของใบก็คล้ายกันแต่ไม่สามารถบอกได้ว่ารสชาติแตกต่างกันอย่างไร รู้แค่ว่าอร่อยเท่านั้นแหละ ถ้าคุณอยากกิน ครั้งหน้าคุณตามพวกเรามานะ ตอนกินก็นั่งล้อมวง นั่งคุยกันที่ระเบียงบ้าน มีการจุดเทียน แล้วก็แหงนหน้าดูพระจันทร์ระหว่างจิบชาร้อนไปด้วย อา...คิดถึงคุณจัง Summer แล้วอากาศหนาว ๆ แบบนี้ คุณต้องจะชอบแน่ ๆ

Summer…. ฉันเชื่อว่า การชมความสวยงามของธรรมชาติตอนเช้าพร้อมกับจิบกาแฟไปด้วยนี่มันคือสิ่งที่ดีที่สุด คุณคิดเหมือนกันไหม บน Treehouse สูงมาก ๆ เลย พวกเราสามารถมองเห็นเทือกเขาที่มีหมอกปกคลุมจนสุดลูกหูลูกตา หมู่แมกไม้ และแสงแดดจากระเบียงบ้าน โอ้... สวยมากเลยนะ Summer…. ทิวทัศน์ในรูปไม่สวยเท่าไหร่ แต่ทิวทัศน์ของจริงสวยเหลือเกิน อยากให้คุณได้มาดู

ส่วนวันที่ 2 เป็นทางลงแล้วล่ะ Summer…. แต่ไม่ได้ลงทางที่เราขึ้นมาหรอกนะ เพราะวันนี้เราจะพักค้างคืนที่ camp ที่อยู่ริมแม่น้ำ จาก Treehouse ที่อยู่บนภูเขา ก็เดินลงไป Riverside camp ที่อยู่เชิงเขา ฉันว่า การเดินขึ้นมันง่ายกว่า การเดินลงมันยากมากเลยนะ Summer…. ขณะที่เดินลง ต้องระวังไม้ให้ลื่นไถล ฉันเจ็บปลายนิ้วเท้าและข้อเข่ามาก ๆ แล้วฉันเป็นคนใส่แว่นตาด้วยยิ่งยากเข้าไปอีก การเดินทางไม่ค่อยสะดวกเลย

รู้ไหมว่าเคล็ดลับสำหรับการลงเขา คือ ถ้าวิ่งหรือกระโดดก็จะไม่เจ็บขาและสามารถไปเร็วกว่ามาก เพื่อน ๆ วิ่งลงกันเร็วมาก ฉันก็ไม่ยอมน้อยหน้า วิ่งลงตาม แต่หลังจากนั้น 5 นาทีก็ไม่ไหวแล้ว จากนั้น พวกเราก็ใช้ใบไผ่ที่หล่นมาทำให้เหมือนกระดานลื่น แล้วไถลลงไปตามทางลง โอ๊ะ ร่างกายฉันมีขนใบไผ่ติดมาด้วย มันคันมาก ๆ เลย หลังจากเดินผ่านป่าไผ่และข้ามลำธารเล็ก ๆ ลงบ่อน้ำ และขึ้นภูเขาแล้วข้ามเนินเขาเล็ก ๆ อีกแห่งหนึ่งมาก็ถึง Riverside camp ที่พวกเราจะพักค้างคืนแล้วล่ะ

Riverside camp มันเย็นสบายมาก camp นี้ถูกสร้างระหว่างหน้าผากับริมน้ำ เป็นกระท่อมไม้ที่ทำจากไม้ไผ่และไม้ โต๊ะ เก้าอี้ชั้น หลังคา ก็ทำด้วยไม้ไผ่ มันเป็นธรรมชาติทั้งหมดจริง ๆ Summer…. ฉันชอบมาก ๆ เลย

ระหว่างดื่มน้ำชาร้อนใต้แสงจันทร์ตอนกลางคืน ก็ได้ฟังเสียงสายน้ำไหล แล้วก็คิดถึงคุณจริงๆ Summer….  จนกระทั่งตอนเช้าก็ยังคิดถึงคุณเหม่อลอยมองพื้นผิวลำธารที่สะท้อนแสงแดดที่สาดส่องระหว่างเทือกเขา

ตอนเช้าพวกเราบอกลา Riverside camp เก็บข้าวของเรียบร้อย หลังจากนั้นเดินไปอีกนิดหน่อย ก็มีเรือยนต์มารับพวกเราล่องไปตามแม่น้ำ พวกเราวางกระเป๋าทั้งหมดบนเรือและใส่เสื้อชูชีพไว้อย่างดี แล้วก็อยู่นั่งห่วงยาง ปล่อยให้ไหลไปตามกระแสน้ำ ประมาณ 2 ชั่วโมง ส่วนเรือคอยตามดูพวกเราอยู่ไม่ไกล บางจุดกระแสน้ำแรงมาก แต่น่าสนุกดี ฉันเป็นคนที่ชอบความท้าทายก็เลยชอบกิจกรรมแบบนี้มาก ถ้าบอกอย่างนั้น การรักเธอก็เป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง ไม่ใช่หรอ Summer….

ถึงจุดที่จอดเรื่อที่ท่าน้ำแล้ว คนขับเรือเลี้ยงอาหารพวกเราด้วย นั่นคือ ปลาย่าง ที่เขาย่างเอง เพราะจับปลาในแม่น้ำได้ระหว่างเฝ้าพวกเรา จับได้ก็ย่างให้กินทันที มันเป็นอาหารสดและหวานมาก ๆ ปลาหายไปอย่างรวดเร็ว เพราะพวกเราล้อมวงกินกัน นี่ถ้ามีปลาสัก 3 ตัวก็คงดีเลยแหละ ปลาย่างที่ว่าดีมาก ๆ ในร้านอาหารยังเทียบไม่ได้กับปลาย่างตัวนี้ พอกินเสร็จแล้วก็เดินต่อกันอีกนิดหน่อยก็มาถึงทางเข้าสู่ตัวเมืองสีป้อ รู้ไหมว่าฉันไม่อยากเข้าเมืองเลย เพราะรู้สึกว่าอึดอัดมาก ถ้าเป็นไปได้ อยากมีโอกาสจับมือของคุณแล้ววิ่งกลับไปสู่ใจกลางของธรรมชาติป่าไม้และภูเขาอีกครั้ง

(Hamar Lwin)

คุณชอบเนื้อหานี้หรือไม่?
หากคุณมีบัญชีของผู้ใช้ที่ทำให้เป็นปลาแมกเคอเรลคุณสามารถเพิ่มบุ๊กมาร์กลงใน mypage ของคุณได้

รีวิว


เดินป่าที่เมืองสีป้อ
0 / 5 (0 รีวิวจากผู้ใช้)
สิ่งที่คนพูด

แสดงความคิดเห็นจาก

สมาชิกเข้าสู่ระบบและปล่อยให้คะแนนของคุณ

หากต้องการแสดงความคิดเห็นโปรดเข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียนสมาชิก

คุณมีบัญชีของผู้ใช้ MingalaGo หรือไม่?

personLogin

รับบัญชีของผู้ใช้ MingalaGo!

personลง ทะเบียน