ผมมักจะตื่นสาย เพราะผมต้องทำงานจนถึงเที่ยงคืนเสมอ ดังนั้น ผมจึงไม่มีโอกาสได้ชมวิวที่สวยงามยามเช้าของเมืองย่างกุ้ง แต่ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ผมต้องรีบตื่นตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง เพราะ ผมต้องไปป้ายรถเมล์ 8 Mile ให้ทันก่อน 7 โมงเช้า เพื่อจะเข้าร่วมกิจกรรมรายเดือนที่องค์กร Phandeeyar เป็นผู้จัด องค์กรนี้มักจะจัดกิจกรรมในทุก ๆ เดือน กิจกรรมเหล่านี้มีผลมากมายต่อการสื่อสารระหว่างผมและสิ่งแวดล้อม พวกเราทุกคนมักจะไม่มีเวลาว่าง ในช่วงเวลาทำงาน ดังนั้น กิจกรรมรายเดือนแบบนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้พักสมองสักพัก เมื่อผมเริ่มทำงานที่องค์กรนี้ ผมคิดว่ายังไม่มีใครที่สนิทกับผม มันทำให้รู้สึกเบื่อ แต่หลังจากเข้าร่วมกิจกรรมมากมายแล้ว ผมสนิทกับพวกเขามากขึ้น พวกเขามักจะช่วยเหลือผม เมื่อผมไม่ว่างหรือเวลาที่ผมต้องการความช่วยเหลือองค์กร Phandeeyar มีการจัดกิจกรรมทั้ง indoor และ outdoor แต่ผมคิดว่ากิจกรรมแบบ outdoor  ดีกว่า เพราะมันคือ โอกาสที่ดีจะลองไปที่อื่น นอกจากสถานที่ผมคุ้นเคยในทุก ๆ วัน ถ้าคุณอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์กร Phandeeyar คุณสามารถหาข้อมูลได้ที่ link นี้  https://phandeeyar.org/coworking-space/

แม้เป็นเดือนกุมภาพันธ์ แต่อากาศข้างนอกยังเต็มไปด้วยหมอก ผมก็รู้สึกว่า อากาศหนาวมาก เมื่อผมถึงป้ายรถเมล์ 8 Mile ตอน 7 โมงครึ่ง สมาชิกส่วนใหญ่ก็พร้อมกันหมดแล้ว พวกเราก็เริ่มเดินทางไปหวิ่นกะบ่อ (Wingabaw) ทันที

การขนส่ง

ผมนั่งรถมินิบัสซึ่งองค์กร Phandeeyar เป็นผู้จัดหาสำหรับเดินทาง การเดินทางไปที่นั่นมีบริษัทรถมินิบัสมากมายที่ให้บริการจากย่างกุ้ง ไปถึงปางช้างหวิ่นกะบ่อ (Wingabaw) ที่พะโค (Pegu) ปางช้างหวิ่นกะบ่อ (Wingabaw) ตั้งอยู่ใกล้กับป้ายรถเมล์พะโคพะยาจี (Pegu pha yar gyi) เมื่อถึงป้ายรถเมล์พะโคพะยาจี (Pegu pha yar gyi) แล้ว ก็สามารถเดินทางไปที่ปางช้างได้ด้วยมอเตอร์ไซค์

ปางช้างหวิ่นกะบ่อ (Wingabaw)

ปางช้างหวิ่นกะบ่อ (Wingabaw) เปิด ในปี 2016 ปางช้างแห่งนี้เป็นดั่งสวรรค์สำหรับช้างและเป็นสถานที่เหมาะสำหรับผู้ที่อยากไปทัวร์หนึ่งวัน เพราะสถานแห่งนี้ไม่ไกลจากเมืองย่างกุ้งมากนัก มันจึงมีชื่อเสียงในหมู่ชาวย่างกุ้ง ผมนั่งรถแค่ 1 ชั่วโมงก็ไปถึงที่นั่น ที่ปางช้างมีช้าง 18 ตัว โดย 8 ตัว เป็นช้างที่เจริญเติบโตเต็มวัยแล้ว 4 ตัว เป็นช้างที่มีอายุน้อย และอีก 6 ตัว เป็นช้างกำพร้า นม คือสารอาหารที่สำคัญ สำหรับช้างกำพร้า 4 ตัว ปางช้างหวิ่นกะบ่อ (Wingabaw) จึงเป็นสวรรค์สำหรับช้างที่สูญเสียพ่อแม่

กิจกรรมที่ปางช้างหวิ่นกะบ่อ (Wingabaw)

ที่ปางช้างหวิ่นกะบ่อ (Wingabaw) มีการทำความสะอาดคอกช้างช่วง 6โมงเช้า คนที่อยากช่วยทำความสะอาดก็ต้องมาก่อน 6โมงเช้า ส่วนผู้ที่อยากช่วยอาบน้ำให้ช้างก็สามารถมาได้ช่วง  07.00 – 07.45 น. นอกจากนี้ ยังมีละครสัตว์ช้าง เวลา 07.45 – 08.45 น. ผมได้ลองขี่ช้างด้วยนะครับ ค่าขี่ช้างก็คนละ 5,000 จั๊ตเวลาพักกลางวันสำหรับช้าง คือ 11.30 – 16.00 น. แล้วตอนเย็นช้างจะอาบน้ำ 16.00 – 16.30 น. ผมได้ลองขี่ช้าง จนถึง 6โมงเย็น ผมให้ช้างกินผลไม้เยอะมาก และสามารถให้นมได้ด้วยนะครับ

ร้านอาหาร

ผมต้องสั่งอาหารไว้ก่อนไปขี่ช้าง เพราะที่นั่นไม่ได้มีร้านอาหารเยอะเท่าไหร่ คุณสามารถสั่งน้ำผลไม้ และเครื่องดื่มชูกำลังต่าง ๆ ได้ ผมอยากแนะนำให้ลองชิมอาหารอร่อย ๆ จาก Feel Restaurant ตรงป้ายรถเมล์ 39 Mile วันนี้ผมได้เล่นอย่างสนุกสนานและมีmomentที่ดี และผมกลับมาจากปางช้างหวิ่นกะบ่อ (Wingabaw) ในตอนเย็น องค์กร Phandeeyar  มีการจัดกิจกรรมรายเดือนมากมาย ดังนั้น ผมตั้งหน้าตั้งตารอเข้าร่วมกิจกรรมครั้งใน เดือนหน้าครับ

Information

Address: WINGA BAW , beside Payagyi Bawnatgyi Road (2,919.78 mi) Bago, Myanmar Tel: +95 9 971 444996 WEB: https://www.facebook.com/WINGA-BAW-Elephant-Conservation-Camp-1103321609782776/ (Unicode Version)